.

.

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

การจัดทำรายงานการขาย


เมื่อผู้ประกอบการที่เป็นผู้ขายและอยู่ในระบบมูลค่าเพิ่ม  เรียกเก็บเงินจากลูกค้าจะต้องบวก ภาษีขาย หรือ VAT  ขาย  และผู้ประกอบการจะต้องนำส่ง ภาษีขาย ให้กรมสรรพากรก่อนวันที่ 15 ของเดือนถัดไป (ใบนำส่งภาษีที่กิจการต้องกรอก  เรียกว่า แบบ ภ.พ.30  หรือ แบบแสดงรายการภาษีมูลค่าเพิ่ม   เมื่อมีการขายสินค้ากิจการจะออกใบกำกับภาษีขายขึ้นซึ่งประกอบด้วย ต้นฉบับ = 1 + สำเนา = 5 รวมเป็น  6  ใบ )   ต้นฉบับใบกำกับภาษี + สำเนา 1 ใบ  ให้ลูกค้า  ส่วนที่เหลือ 4  ใบ  ใบแรกเก็บเข้าแฟ้ม   ใบที่ 2  ทำบัญชีคุมสินค้า   ใบที่ 3  บันทึกบัญชีในสมุดรายวันขาย   ใบที่ 4  ทำรายงานภาษีขาย (เก็บเข้าแฟ้มรอไว้ และสรุปทำรายงานภาษีขายตอนสิ้นเดือน   และ เตรียมเก็บเข้าแฟ้มบัญชี
แฟ้มแรก       เก็บสำเนาใบกำกับภาษีขาย   เป็นรายเดือนโดยเรียงจากวันเริ่มบัญชีถึงวันที่ปัจจุบัน
แฟ้มที่สอง    เก็บบัญชีคุมสินค้า
แฟ้มที่สาม    สมุดรายวันขาย
แฟ้มที่สี่        แฟ้ม ภ.พ.30   (รายงานภาษีขาย)
ขั้นตอนการจัดทำรายงานภาษีขาย
  1. เรียงเลขที่เอกสาร  ตามเลขที่ เดือนที่ออกใบกำกับภาษี  ปี 2013  เดือนมกราคม
ตัวอย่าง   1301001 – 1301050
เดือน 2    1302051 – 1302090
2    ทุกครั้งที่มีการออกใบกำกับภาษี  ให้นำสำเนาใส่แฟ้ม  สิ้นเดือนนำมาสรุปรายงานภาษีขาย
3.    สรุปรายงานภาษีขาย  และพิมพ์แยกประเภท
Report sell. 3.56_Page_OK
การจัดทำรายงานภาษีซื้อ
            ในทางกลับกันที่ผู้ขายกลับกลายมาเป็นผู้ซื้อ  กิจการจะต้องจ่าย ภาษีซื้อ ( VAT ซื้อ)  ให้กับผู้ขาย  นอกเหนือไปจากราคาสินค้าหรือบริการ  เมื่อถูกเก็บภาษีไป  กิจการจะสามารถนำ “ภาษีซื้อ”  มาหักจาก “ภาษีขาย”  เพื่อนำ “ภาษีมูลค่าเพิ่มสุทธิ” นำส่งให้แก่กรมสรรพากรหรือเรียกเงินคืนจากกรมสรรพากร (แต่ส่วนใหญ่จะเครดิตไว้หักในงวดถัดไป)  ก่อนวันที่ 15 ของเดือนถัดไป  (ในแบบ ภ.พ.3.0)   ซึ่งปัจจุบันกรมสรรพากรอำนวยความสะดวกโดยสามารถทำเรื่องขอยื่นผ่านอินเตอร์เน็ต และชำระที่ธนาคารใกล้บ้านได้
กิจการสามารถนำภาษีซื้อที่ลืมนำไปหักนั้น  มาหักกับภาษีขายได้ภายในระยะเวลา  6  เดือน นับจากเดือนที่ระบบในใบกำกับภาษี  และให้หมายเหตุไว้ที่ใบกำกับภาษีด้วยว่า  ถือเป็นภาษีซื้อเดือน…….

ขั้นตอนการจัดทำรายงานภาษีซื้อ
  1. เรียงเลขที่เอกสาร  ตามเลขที่ เดือนที่ได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษี  มาจัดเรียงตามลำดับที่และเขียนไว้ที่มุมบนด้านขวามือให้ตรงกับรายงานภาษีซื้อ  เพื่อที่จะได้ค้นหาได้ง่าย
  2.  ทุกครั้งที่ได้รับต้นฉบับใบกำกับภาษี  ให้มาเก็บใส่แฟ้ม
  3.  นำสำเนาใบกำกับภาษีซื้อมาลงรายการภาษีซื้อ   จัดทำใบตรวจรับพัสดุ  และบันทึกในสมุดรายวันซื้อ
  4.  สิ้นเดือนนำมาสรุปรายงานภาษีซื้อ
  5.  สรุปรายงานภาษีซื้อ  และพิมพ์แยกประเภท
Report per
สรุปภาษีซื้อ ภาษีขาย   เพื่อกรอกแบบฟอร์ม  ภ.พ.30  นำส่งกรมสรรพากร
การคำนวณภาษีมูค่าเพิ่ม
ภาษีขาย  –  ภาษีซื้อ    =    ภาษีมูลค่าเพิ่มสุทธิ
ส่วนต่างที่เกิดขึ้น
ภาษีขาย  มากกว่า  ภาษีซื้อ        กิจการจะต้องนำส่งกรมสรรพากร
ภาษีซื้อ    มากกว่า  ภาษีขาย      คือภาษีมูลค่าเพิ่มที่มีสิทธิ์ได้รับคืน หรือเครดิตในเดือนถัดไป
วิธีทำ
1.  กรอกแบบฟอร์ม  นำเสนอผู้บริหารลงนาม
2.  ถ่ายสำเนาแนบใบสำคัญจ่าย  และ แฟ้ม ภ.พ.30 (แฟ้มรายงานภาษีซื้อภาษีขาย)
3.  จัดทำเช็คจ่าย  และนำส่งก่อนวันที่ 15 ของเดือนถัดไป เช่น ภ.พ.30  เดือน มีนาคม 2556  นำส่ง 15  เมษายน 2556
ภ.พ.30 form

 การบันทึกบัญชี

vat.report1
vat.report2

วันเสาร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ความรู้ทั่วไปการจัดตั้งบริษัทใน 7 ขั้นตอน




ผู้ประกอบการมือใหม่หลายๆคน มักคิดว่าการดำเนินการจัดตั้งบริษัทด้วยตนเองนั้นเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและยุ่งยากเกินความสามารถ จึงเลือกที่จะไปว่าจ้างบริษัทหรือบุคคลที่มีความรู้เฉพาะทางมาดำเนินการแทน ทั้งที่จริงๆแล้วขั้นตอนการจัดตั้งบริษัทนั้นก็ไม่ได้มีวิธีที่ซับซ้อนแต่อย่างใด และถ้าหากท่านสามารถดำเนินการเองได้ก็จะสามารถลดค่าใช้จ่ายในส่วนของการว่าจ้างไปได้อีกด้วย การจัดตั้งบริษัทจะไม่เป็นเรื่องยากอีกต่อไปหากปฏิบัติตาม 7 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ผู้เริ่มก่อการสามารถจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพร้อมกันภายในวันเดียวกันได้
ขั้นแรกผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัทต้องคิดชื่อบริษัทขึ้นมาเพื่อใช้ในการจอง ซึ่งชื่อที่ตั้งมานั้นต้องไม่พ้องหรือคล้ายคลึงกับบริษัทซึ่งจดทะเบียนไปแล้ว
การจองนั้นจะเปิดให้จองได้ 3 ชื่อ โดยนายทะเบียนจะพิจารณาชื่อตามลำดับจากแรกไปท้าย ดังนั้นท่านต้องเอาชื่อที่อยากได้ที่สุดไว้อันดับแรก จากนั้นก็ไปลงทะเบียนจองชื่อ โดยทำได้สองวิธีด้วยกัน คือ
  1. ยื่นแบบจองชื่อต่อนายทะเบียนด้วยตนเอง ที่กรมพัฒนาธุรกิจการค้าในเขตที่ท่านอาศัยอยู่ หรือถ้าเป็นต่างจังหวัดก็ให้ไปที่สำนักงานพาณิชย์ประจำจังหวัด
  2. จองผ่านอินเตอร์เน็ต โดยกรอกข้อมูลที่ www.dbd.go.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ของกรมพัฒนาธุรกิจการค้าเอง
เมื่อนายทะเบียนพิจารณาแล้วเห็นว่าชื่อดังกล่าวไม่ขัดกับข้อกำหนด ก็จะแจ้งกลับมาว่ารับจองชื่อแล้ว จากนั้นก็จะเข้าสู่ขั้นตอนต่อไป

หนังสือบริคณห์สนธิ คือ หนังสือที่แสดงเจตน์จำนงในการขอจัดตั้งบริษัท เนื้อความในหนังสือจะประกอบไปด้วย ชื่อบริษัทที่จองไว้ (โดยมีคำว่า “บริษัท” นำหน้า และคำว่า “จำกัด” ต่อท้าย) ที่อยู่ วัตถุประสงค์ จำนวนทุน จำนวนหุ้น ราคาหุ้น (ขั้นต่ำหุ้นละ 5 บาท) และข้อมูลผู้เริ่มก่อการจัดตั้งบริษัท ซึ่งจำนวนผู้ก่อการนี้กฎหมายบังคับว่าต้องมีอย่างน้อย 3 คน
การยื่นหนังสือบริคณห์สนธิจะต้องทำภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีนายทะเบียนแจ้งรับจองชื่อ หากผู้เริ่มก่อการเกิดชะล่าใจจนเลยกำหนดก็จะต้องเสียเวลาดำเนินการใหม่ตั้งแต่ต้น

ผู้เริ่มก่อการแต่ละคนอาจซื้อหุ้นมากน้อยต่างกัน แต่ทุกคนจะต้องมีอย่างน้อยคนละหนึ่งหุ้น นอกจากนี้ผู้ที่มาซื้อหุ้นนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นผู้เริ่มก่อการเสมอไป แต่อาจเป็นบุคคลอื่นที่สนใจอยากเข้าร่วมธุรกิจดังกล่าวก็ได้ 
เมื่อมีผู้ตกลงซื้อหุ้นของบริษัทจนครบแล้ว ก็จะมีการออกหนังสือนัดจัดการประชุมผู้ถือหุ้นทั้งหมด ซึ่งวันที่นัดประชุมนั้นจะต้องห่างจากวันที่ออกหนังสืออย่างน้อย 7 วัน

หากดำเนินการด้วยตนเองก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยลงไปอีกเพราะไม่ต้องเสียเวลาติดต่อประสานงานกับบริษัทว่าจ้างจัดตั้งบริษัท
ในการประชุมจะต้องมีผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนผู้เข้าชื่อทั้งหมด (สามารถมอบฉันทะได้) และนับจำนวนหุ้นรวมกันแล้วไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของหุ้นทั้งหมด ซึ่งวาระในการประชุมจะประกอบด้วย
  1. ทำความตกลงตั้งข้อบังคับของบริษัท
  2. เลือกตั้งกรรมการและกำหนดอำนาจกรรมการ
  3. เลือกผู้สอบบัญชีรับอนุญาตเพื่อตรวจสอบและรับรองงบการเงิน (บริษัทต้องแต่งตั้งบุคคลธรรมดาเท่านั้น จะแต่งตั้งสำนักงานตรวจสอบบัญชีไม่ได้)
  4. รับรองสัญญาที่ผู้เริมก่อการทำขึ้นก่อนที่บริษัทจะจัดตั้ง เพราะผู้ริเริ่มกิจการอาจจะไปทำสัญญาอะไรบางอย่างไว้เพื่อประโยชน์ของบริษัท เช่น ไปทำสัญญาเช่าอาคารไว้เพื่อไว้เป็นที่ทำการของบริษัท หรือไปทำสัญญาซื้อวัตถุดิบ หรือจ้างพนักงานไว้ สัญญาเหล่านี้จะยังไม่มีผลผูกพันบริษัท เนื่องจากบริษัทยังไม่ได้จัดตั้ง ผู้ริเริ่มกิจการยังต้องรับผิดชอบเป็นส่วนตัวอยู่ ดังนั้นจึงต้องนำสัญญาเหล่านี้มาเสนอให้ที่ประชุมตั้งบริษัทอนุมัติ เพื่อจะได้มีผลผูกพันต่อไป
  5. กำหนดค่าตอบแทนแก่ผู้ริเริ่มกิจการ สำหรับกิจการต่างๆ ที่ผู้เริ่มก่อการได้กระทำไปในช่วงก่อนจดทะเบียนบริษัท โดยถือว่าเป็นค่าตอบแทนค่าเหนื่อยของผู้เริ่มก่อการ ซึ่งค่าตอบแทนนี้จะต้องอนุมัติโดยที่ประชุมจัดตั้งบริษัท
  6. กำหนดจำนวนหุ้นบุริมสิทธิ (หุ้นที่ได้รับสิทธิพิเศษมากกว่าหุ้นสามัญ เช่น ได้ปันผลมากกว่า หรือหากเลิกกิจการก็จะมีสิทธิได้ทรัพย์สินก่อน แต่ผู้ถือหุ้นประเภทนี้จะไม่มีสิทธิในการออกเสียงหรือรับแต่งตั้งเป็นกรรมการบริษัท) หรือหุ้นสามัญที่ชำระด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน บางบริษัทอาจจะมีหุ้นบุริมสิทธินอกเหนือจากหุ้นสามัญ หรืออาจจะมีหุ้นสามัญแต่เพียงอย่างเดียว แต่มีบางส่วนที่ชำระด้วยอย่างอื่นนอกจากตัวเงิน ในกรณีเช่นนี้ก็ต้องมาทำความตกลงอนุมัติในที่ประชุมตั้งบริษัทนี้เช่นกัน


คณะกรรมการจะทำหน้าที่เก็บเงินชำระค่าหุ้นอย่างน้อย 25% ของราคาจริง เมื่อเก็บค่าหุ้นได้ครบแล้ว กรรมการก็จะเป็นผู้จัดทำคำขอจดทะเบียนตั้งบริษัทแล้วยื่นจดทะเบียนต่อนายทะเบียนภายใน 3 เดือน นับแต่วันที่มีการประชุมจัดตั้งบริษัท ถ้าไม่จดทะเบียนภายในกำหนดเวลาดังกล่าวจะทำให้การประชุมตั้งบริษัทเสียไป ต้องจัดประชุมผู้จองซื้อหุ้นใหม่อีกครั้ง

ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนตั้งบริษัท คิดตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท ขั้นต่ำ 5,000 แต่ไม่เกิน 250,000
ค่าธรรมเนียมต่างๆในขั้นตอนการดำเนินการมีดังนี้
  1. ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ คิดจากจำนวนทุนแสนละ 50 บาท เศษของแสนให้คิดเป็นแสนบาทเลย ทั้งนี้ค่าธรรมเนียมขั้นต่ำอยู่ที่ 500 บาท และขั้นสูงคือ 25,000 บาท
  2. ค่าธรรมเนียมในการจดทะเบียนตั้งบริษัท คิดตามทุนจดทะเบียนแสนละ 500 บาท แต่ขั้นต่ำต้องไม่น้อยกว่า 5,000 บาท และขั้นสูงไม่เกิน 250,000 บาท (เศษของแสนคิดเป็นแสนเช่นเดียวกับค่าลงทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิ)
  3. หนังสือรับรอง ฉบับละ 200 บาท
  4. ใบสำคัญแสดงการจดทะเบียน ฉบับละ 100 บาท
  5. รับรองสำเนาเอกสาร หน้าละ 50 บาท
  6. รับใบสำคัญและหนังสือรับรอง
เมื่อนายทะเบียนรับจดทะเบียนและมอบหนังสือรับรองแล้ว ก็เป็นอันว่าบริษัทได้จัดตั้งขึ้นอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีสิทธิและหน้าที่ต่างๆ โดยสมบูรณ์ทุกประการ
เดิมขั้นตอนการดำเนินการทั้งหมดจะกินเวลาไม่ต่ำกว่า 9 วัน แต่หลังจากวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 เป็นต้นมา กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ปรับปรุงประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ว่าด้วยหุ้นส่วนบริษัทในบางประเด็น ว่า ‘หากการประชุมตั้งบริษัทมีผู้เริ่มก่อการและผู้เข้าชื่อซื้อหุ้นทุกคนเข้าร่วมประชุมและให้ความเห็นชอบในกิจการที่ได้พิจารณาในที่ประชุมนั้น ผู้เริ่มก่อการสามารถจดทะเบียนหนังสือบริคณห์สนธิและจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทพร้อมกันภายในวันเดียวกันได้’
จากการปรับปรุงกฎหมายที่ว่า ทำให้การดำเนินการมีความสะดวกและรวดเร็วขึ้น และถ้าหากดำเนินการด้วยตนเองก็จะยิ่งใช้เวลาน้อยลงไปอีกเพราะไม่ต้องเสียเวลาติดต่อประสานงานกับบริษัทว่าจ้างจัดตั้งบริษัท อ่านมาถึงตรงนี้แล้วก็อย่าลืมลองนำ 7 ขั้นตอนนี้ไปใช้เพื่อช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการจัดตั้งบริษัทของคุณดู

ความรู้ทั่วไปแนวคิด


แนวคิดธุรกิจ SME1. เดินให้เร็วกว่าคู่แข่ง 1 ก้าว แม้ว่าแนวคิดนี้จะแนะนำให้เดินนำหน้าคู่แข่ง 1 ก้าว แต่ว่าการเดินนำล้ำหน้าคนอื่นหลาย ๆ ก้าวก็จะดีไม่น้อยเลยทีเดียว ดังนั้นธุรกิจที่ต้องการประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจะต้องตั้งปณิธานและกำหนดนโยบายด้านต่าง ๆ เพื่อปลูกฝังให้พนักงานทุกคนในองค์กรมีแนวคิดในการทำงานที่ล้ำหน้าคู่แข่งอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะมีหน้าที่ใดในองค์กรจะต้องมีความคิดสร้างสรรค์และความตั้งใจในการทำงานเพื่อให้มีผลงานใหม่ ๆ ให้คู่แข่งตาค้างเสมอ โดยเฉพาะความล้ำหน้าในสิ่งที่มองเห็นและจับต้องได้ จะเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าองค์กรของคุณเป็นผู้นำในธุรกิจนั้น ๆ หรือไม่หากธุรกิจใดก็ตามไม่ได้มีเป้าหมาย ในเรื่องนี้ที่ชัดเจน ก็ต้องตกอยู่ในภาวะจำยอมเป็นผู้ตามคนอื่นเสมอ ลองคิดดูว่าการเป็นผู้ตามในตลาดใดตลาดหนึ่ง ย่อมทำให้เกิดความสูญเสียเชิงการตลาดอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ที่สำคัญมีข้อแนะนำว่าการเป็นผู้นำเพื่อให้คนอื่นวิ่งตามนั้น คุณจะ ต้องวิ่งหนีคนอื่นอยู่ตลอดเวลา เนื่องจาก สิ่งที่ทำ ๆ กันก็จะมีคู่แข่งทำตามอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อถึงเวลาที่ใครก็ตามเติบโตจนกลายเป็นผู้นำก็จะกลายเป็นคนที่ขี่หลังเสือที่ต้องระวังอยู่ตลอดเวลา มิให้ ตกจากหลังเสือ 2.สร้างจุดเด่นให้เห็นความแตกต่าง ข้อนี้ก็สืบเนื่องจากการเป็นผู้นำในข้างต้น เพราะถ้าต้องยืนอยู่ในตำแหน่งผู้นำตลาด สิ่งสำคัญจะต้องสร้างจุดเด่นด้านต่าง ๆ เพื่อให้แตกต่างจากสิ่งที่มีอยู่ในตลาด โดยทั่วไปแล้วผู้ประกอบการจะให้ความสำคัญกับความแตกต่างด้านผลิตภัณฑ์เท่านั้น แต่ความเป็นผู้นำจะต้องมีความแตกต่างในทุก ๆ ด้านที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ เช่น การให้บริการ การพัฒนาบุคลากร ภาพลักษณ์ขององค์กร ฯลฯอย่างไรก็ตาม เห็นว่าการสร้างความแตกต่างนั้นมีการพูดกันบ่อยมาก แต่จะทำให้ชัดเจนได้มากน้อยแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับความมุ่งมั่นและตั้งใจของแต่ละคน ที่สำคัญไม่ควรใช้มุมมองของตนเองมองความแตกต่าง แต่ต้องให้ลูกค้าเป็นคนตัดสินใจว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่นั้นแตกต่างหรือเหมือนกับชาวบ้าน ซึ่งจะส่งผลต่อความ ล้มเหลวและความสำเร็จต่อธุรกิจนั้นๆ 3.คิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ มีข้อแนะนำว่าผู้ที่จะประสบความสำเร็จนั้นไม่ควรคิดเล็กแล้วทำใหญ่ หรือคิดใหญ่หรือทำเล็กเหมือนอย่างที่คนอื่น ๆ เขาทำกัน แต่ควรทำในสิ่งที่เป็นไปได้และเกิดประโยชน์ต่อลูกค้าและธุรกิจ เนื่องจากมีผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยเลยที่ทำในสิ่งที่เกินกำลัง ผลที่ตามมาก็คือ ไปไม่ไหวก็ต้องพับเสื่อกลับบ้านเก่าไป รวมทั้งผู้ที่ทำในสิ่งที่อยู่ในฝัน ผลที่ตามมาก็คือ ความฝันย่อมเป็นความฝันอยู่เสมอ แต่การทำธุรกิจในยุคนี้จะต้องทำในสิ่งที่เป็นไปได้ และตรงกับความต้องการของลูกค้า เพราะสิ่งที่ลูกค้าต้องการถือว่าเป็นปัจจัยที่ทำให้ธุรกิจไปสู่ความสำเร็จ ดังนั้นอย่าคิดทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำแต่เราไม่สามารถทำได้อย่างเด็ดขาด แต่จงคิดและทำในสิ่งที่เป็นไปได้ ที่สำคัญลูกค้าต้องยอมรับได้ด้วย 4.การบริหารภาพลักษณ์ สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทุกธุรกิจจำเป็นต้องทำก็คือ การบริหารและจัดการเรื่องภาพลักษณ์ ของธุรกิจให้เป็นผู้ที่ยอมรับของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง เพราะหากเป็นผู้นำ สร้างสรรค์ให้แตกต่าง และทำในสิ่งที่เป็นไปได้ แต่ลูกค้าไม่ยอมรับเพื่อสร้างปัญหาให้สังคมในด้านใดด้านหนึ่งก็ไม่ส่งผลดีต่อองค์กรเลยแม้แต่น้อย เนื่องจากการทำธุรกิจในยุคการสื่อสารไร้พรมแดน สิ่งที่เป็นผลลบและผลบวกสามารถกระจายข่าวได้อย่างรวดเร็วมาก ดังนั้นภาคธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องให้ความสำคัญเรื่องการบริหารภาพลักษณ์ให้ดูดีอยู่เสมอ

ความคิดริเริ่ม ประกอบธุรกิจส่วนตัว เพื่อเตรียมจดทะเบียนบริษัท

"สำหรับใครหลายๆคนที่กำลัง มีความคิดที่จะ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ด้วยเนื่องอาจมีเหตุผล เช่น มีเพื่อนเป็น จัดซื้อ มี คนรู้จักที่จะคอยหยิบยื่นงาน ออกมาให้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยที่เราไม่ได้นับการเริ่มต้นทำธุรกิจ จาก 0 อาจจะเริ่มนับ ที่ 2,3,4,5 เลย แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้องรู้จักการหา ลูกค้าได้ด้วยตัวเอง เพราะสักวัน เราอาจไม่ได้รับการสนับสนุน จาก เพื่อนหรือคนรู้จักแต่เราจะต้องยืนได้ด้วย ความสามารถของเรานะครับ การที่จะมีบริษัท การจดทะเบียนบริษัท นั้นไม่ใช้เรื่องยาก เอกสารครบ ผู้ก่อตั้งลงนามเรียบร้อย วันเดียวก็สามารถ จดทะเบียนบริษัท ได้แล้ว ไม่ยากเลย แต่การจะดูแล บริหาร ให้บริษัทเราคงอยู่ได้นั้น ต้องอาศัย ความอดทน ความสามารถ ในการแก้ปัญหา จิตใจที่เข้มแข็ง เวลาที่คุณเจออุปสรรค ต้องไม่ย่อท้อ หรือหนี้ปัญหา ไม่เช่นนั้นคุณก็จะไม่ต่างอะไร กับผู้ที่มีความคิดเป็นลูกจ้าง เราต้องแลก ทุกสิ่งทุกอย่าง ทั้ง เวลา ความคิด แรงกายแรงใจ ความทุ่มเท เพื่อธุรกิจเราเอง ขยันก็ได้เรา ขี้เกียจก็ได้เราไม่มีใครบังคับ สุดท้าย ผู้บริหารที่ดี คือ ผู้ที่แก้ปัญหาได้เก่ง ทุกปัญหามีทางออกเสมอ แต่ใครที่จะหาทางออกที่ดีที่สุดให้ กับ กิจการของตัวเองได้ดีกว่ากัน"
ส่วนใครที่เป็นลูกจ้าง พนักงานประจำ ผมแนะนำว่าคุณควรจะมีความคิดบวก คิดดีทำงานที่ตัวเองได้รับมอบหมาย ให้ดีที่สุด รีบเก็บเกี่ยวประสบการณ์ รายละเอียด จากงานที่ทำให้เร็วที่สุด ทุกคนต้องการเจริญก้าวหน้าทางหน้าที่กันทุก คน เราจึงจำเป็นต้องพัฒนาตัวเองอยู่เสมอ เรียกว่า การลงทุนกับตัวเอง คนเก่ง คนดี คนทุ่มเทกับงาน ย่อมเป็นที่หมาย ปองต้องการของนายจ้างเสมอ ไม่ใช้มัวแต่คิดลบ เช่น ทำไม่เจ้าของได้เยอะ เราได้แค่เนี๊ย เราจะมองเห็นแค่ด้านเดียว ผมจะบอกว่าเวลานายจ้างเสียหาย หรือขาดทุนเค้าไม่บอกคุณหรอกครับ เราจะมองเห็นว่าเค้ากำไรเยอะ เป็นไงครับ พอ รู้กำไรเยอะ ก็อยากทำเอง แล้วก็ล้มไม่เป็นท่า จะกลับมาหานาย ก็ไม่กล้าสู้หน้า เอาไว้ให้พร้อมนะครับ แล้วมาติดต่อ จาก บริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด จดทะเบียนบริษัทให้ ผมยินดีให้คำปรึกษา ทุกอย่างที่คุณควรจะทราบ
บริษัท ชลธี บิสซิเนส กรุ๊ป จำกัด เป็นผู้ให้บริการรับจดทะเบียนบริษัท ทั่วประเทศ อาธิ เช่น รับจดทะเบียนบริษัท สมุทรปราการ รับจดทะเบียนบริษัทสมุทรสาคร รับจดทะเบียนบริษัทสมุทรสงคราม รับจดทะเบียนบริษัทปทุมธานี รับ จดทะเบียนบริษัทนนทบุรี รับจดทะเบียนบริษัทนครปฐม รับจดทะเบียนบริษัทอยุธยา รับจดทะเบียนบริษัทชลบุรี รับ จดทะเบียนบริษัทระยอง รับจดทะเบียนบริษัทสระบุรี รับจดทะเบียนบริษัทนครนายก รับจดทะเบียนบริษัทปราจีนบุรี รับจดทะเบียนบริษัท ฉะเชิงเทรา รับจดทะเบียนบริษัทราชบุรี

ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับโปรโมชั่น



พิเศษ !!!  สำหรับลูกค้าจดทะเบียนใหม่และทำบัญชี
  • ฟรี เว็บไซต์ สำหรับบริษัทพร้อมแนะนำการทำตลาดออนไลน์
  • ฟรี ออกแบบโลโก้บรษัท
  • ฟรี รูปแบบใบส่งสินค้า ใบแจ้งหนี้ ใบกำกับภาษี ใบเสร็จรับเงินและเอกสารสำคัญอื่นๆ
  • ฟรี ขึ้นทะเบียน ระบบ E-FILING เพื่อใช้นำส่งงบการเงินกับกระทรวงพาณิชย์
  • ฟรี จดทะเบียน ภ.อ.01 เพื่อใช้ยื่นภาษีผ่าระบบออนไลน์
  • ฟรี จัดเตรียมเอกสารขึ้นทะเบียน E-GP (ระบบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ)
  • ฟรี ที่ปรึกษาด้านการตลาดและบริหารธุรกิจ
ความคิดริเริ่มประกอบธุรกิจส่วนตัวเพื่อเตรียมจดทะเบียนบริษัท
"สำหรับใครหลายๆคนที่กำลัง มีความคิดที่จะประกอบธุรกิจส่วนตัว ด้วยเนื่องอาจมีเหตุผล
เช่น มีเพื่อนเป็นจัดซื้อมีคนรู้จักที่จะคอยหยิบยื่นงาน ออกมาให้ ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีโดยที่เรา
ไม่ได้นับการเริ่มต้นทำธุรกิจ จาก 0 อาจจะเริ่มนับ ที่ 2,3,4,5 เลย แต่อย่าลืมว่าเราเองก็ต้อง
รู้จักการหาลูกค้าได้ด้วยตัวเอง เพราะสักวัน เราอาจไม่ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนหรือคนรู้
จักแต่เราจะต้องยืนได้ด้วยความสามารถของเรานะครับ การที่จะมีบริษัท การจดทะเบียนบริษัท
นั้นไม่ใช้เรื่องยาก...อ่านต่อ"
บริการงานด้านจดทะเบียน
  • รับจดทะเบียน: บริษัทจำกัด, ห้างหุ้นส่วนจำกัด, ใบทะเบียนพาณิชย์, มูลนิธิ, สมาคม, จดภาษีมูลค่าเพิ่ม
  • , ขึ้นทะเบียนประกันสังคม ฯลฯ
  • จดแก้ไขเปลี่ยนแปลง: จดแจ้งย้ายที่ตั้งบริษัท จดเพิ่มสาขา จดเปลี่ยนตราสำคัญ จดเปลี่ยนชื่อ จดกรรมการ 
  • เข้า-ออก จดเพิ่มทุนจดทะเบียน จดแก้ไขเพิ่มเติมวัตถุประสงค์ ฯลฯ
  • จดทะเบียนเกี่ยวกับสินค้า: จดเครื่องหมายการค้า จดสิทธิบัตร จดลิขสิทธิ์
บริการงานด้านบัญชีและภาษี
  • งานวางระบบ: ระบบบัญชี ระบบสต๊อกสินค้า บัญชีต้นทุนการผลิต วางแผนชำระภาษีให้ถูกต้องตามที่กฎหมาย
  • กำหนด
  • งานจัดทำบัญชี: รับทำบัญชีรายเดือน บัญชีเงินเดือน ปิดงบการเงิน จัดทำงบเพื่อส่งผู้บริหาร โดยผู้ทำบัญชี
  •  (CPD)
  • งานตรวจสอบ: รับตรวจสอบภายใน ตรวจงบการเงิน โดยผู้สอบบัญชีรับอนุญาต (CPA)
บริการงานด้านขอใบอนุญาต ร่างสัญญาแปลและรับรองเอกสาร
บริการงานด้าน จัดอบรมสัมนาเชิงวิชาการ
สินค้าและบริการด้านอื่นๆ